การเลือกซื้อฮาร์ดดิสก์
สำหรับฮาร์ดดิสก์เป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่จัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่มาก เพราะฉะนั้นแล้วจึงมีการเลือกซื้อให้เหมาะสมกับความต้องการของเรา ในปัจจุบันฮาร์ดดิสก์ได้มีราคาต่อความจุถูกมาก และมีความเร็วที่แตกต่างกัน จะข้อแนะนำการเลือกซื้อดังต่อไปนี้
1.ประเภทของ ฮาร์ดดิสก์
ฮาร์ดดิสก์ที่ใช้ๆ กันอยู่ในปัจจุบันมีอยู่ 2 ประเภทด้วยกัน คือ (สำหรับฮาร์ดดิสก์ที่เชื่อมต่อภายนอกจะขอกล่าวในลำดันถัดไป)
– แบบ IDE เป็นอุปกรณ์บันทึกข้อมูลในคอมพิวเตอร์โดยใช้เทคโนโลยีเดิม มีขนาดความจุน้อยกว่าและความเร็วในการอ่านหรือบันทึกข้อมูลที่ช้ากว่า ฮาร์ดดิสแบบ SATA จะเห็นว่าฮาร์ดดิสแบบ IDE ใช้สายที่เชื่อมต่อฮาร์ดดิสกับเมนบอร์ดเรียกว่าสายแพ
– แบบ SATA เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เข้ามามนตอนนี้และได้มีความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะว่าในเมนบอร์ดรุ่นใหม่นั้นก็ลองรับได้หมดแล้ว และมีราคาที่ถูกกว่า ฮาร์ดดิสก์ แบบIDE
ฮาร์ดดิสแบบ SATA ปัจจุบันมี 3 รุ่น คือ SATA1 SATA2 SATA3 ซึ่ง SATA ทั้ง 3 รุ่นสามารถใช้แทนกันได้
มีสายเชื่อมต่อเรียกว่าสาย SATA ซึ่งมีลักษณะแตกต่างจากสาย IDE
- ฮาร์ดดิสแบบ SATA มีความเร็วในการบันทึกและอ่านข้อมูลดังนี้
SATA1 = 150 เมกะไบต์ต่อวินาที
SATA2 = 300 เมกะไบต์ต่อวินาที
SATA3 = 600 เมกะไบต์ต่อวินาที
- ฮาร์ดดิสแบบ SATA สามารถใส่แทนกันได้เช่น SATA1 แทน SATA2 และ SATA3 แต่ความเร็วในการอ่านและบันทึกข้อมูลจะไม่เท่ากันตาม โดยขึ้นอยู่กับเมนบอร์ดหรือฮาร์ดดิส SATA ว่าสามารถทำงานได้ที่ความเร็วเท่าไหร่
- ฮาร์ดดิสแบบ SATA จะสามารถบันทึกหรืออ่านข้อมูลได้ในความเร็วที่ทำได้สูงสุดก็ต่อเมื่อเมนบอร์ดรองรับการทำงานนั้นเช่น เมนบอร์ดรองรับการทำงานของ SATA2 แต่ใส่ SATA3 ความเร็วก็วิ่งที่ SATA2
ทางเลือกระหว่างฮาร์ดดิสก์แบบ IDE และ SATA
ตลาด “ฮาร์ดดิสก์ (Hard disk)” ในปัจจุบัน มีให้เลือก 2 แบบด้วยกันคือ IDE และ SATA (SATA150 และ SATA300) แต่เราก็ต้องเลือกใช้ตามความเหมาะสม แม้ว่าฮาร์ดดิสก์แบบ SATA จะมีความเร็วกว่าแบบ IDE เพียงไม่มาก แต่ต้องไม่ลืมว่าเมนบอร์ดในปัจจุบันมี Port สำหรับ IDE น้อยลง ทางเลือกของฮาร์ดดิสก์ที่เป็น SATA ก็ดูน่าสนใจอยู่ไม่น้อย อีกทั้งยังมีสายสัญญาณที่มีขนาดเล็ก จึงทำให้อากาศไหลเวียนภายใน Cash ได้ดียิ่งขึ้น2.ขนาดของความจุ
3.ความเร็วรอบ
ความเร็วรอบของฮาร์ดดิสก์นั้นย่อมมีผลโดยตรงต่อความเร็วของฮาร์ดดิสก์ คือถ้าฮาร์ดดิสก์มีความเร็วรอบสูงแล้ว ข้อมูลก็จะเคลื่อนมาถึงหัวอ่านได้อย่างรวดเร็วขึ้น ความเร็วรอบของฮาร์ดดิสก์นั้นมีหน่วยเป็น “รอบต่อนาที (rpm) ในปัจุจบันความเร็วรอบนั้น 5,400-7,200 rpm แล้ว และยังมีการพัฒนาความเร็วได้ถึง 10,000 rpm
4.บัฟเฟอร์ของ ฮาร์ดดิสก์
“บัฟเฟอร์” ก็ถือว่ามีความสำคัญไม่แพ้กัน ไม่ใช่เพียงกับการทำงานเฉพาะทางเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเล่นเกม มัลติมีเดียและซอฟแวร์พื้นฐานทั่วไปอีกด้วย ด้วยการสำรองข้อมูลบางส่วนในการใช้งานเอาไว้ เพื่อที่จะเรียกใช้ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และแน่นอนว่า “ฮาร์ดดิสก์ (Hard disk)” ที่มีบัฟเฟอร์สูงๆ ราคาก็จะพุ่งสูงตามไปด้วย สำหรับผู้ใช้ทั่วไปอาจเลือกที่ระดับมาตรฐานคือ 8MB ก็น่าจะเพียงพอต่อการใช้งาน แต่ถ้าหากต้องการประสิทธิภาพที่สูงขึ้น สำหรับเกมเมอร์หรือการตัดต่อ อาจเลือกเป็นรุ่น 16MB หรือ 32MB ก็จะมีประสิทธิภาพทีเดียว5.ความเร็วในการเข้าถึงข้อมูล
ช่วงเวลาในการเข้าถึงข้อมูล (Seek Time) คือช่วงเวลาที่ตำแหน่องบนจานของฮาร์ดดิสก์นั้นหมุนมาพอดีกับตรงที่หัวอ่านพอดี ความเร็วนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับความเร็วรอบของฮาร์ดดิสก์เอง ยิ่งมีความเร็วที่น้อยก็สามารถที่จะทำให้ฮาร์ดดิสก์นั้นอ่านเขียนได้เร็วขึ้น
ค่า Average Seek Time คืออะไร.?
Average Seek Time เป็นเวลาในการเข้าถึงข้อมูลโดยเฉลี่ย ซึ่งจะเป็นตัวเลขที่ระบุมากับ “ฮาร์ดดิสก์ (Hard disk)” ทุกรุ่น แต่ส่วนใหญ่แล้วสำหรับฮาร์ดดิสก์ทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 12-14ms แต่ถ้าเป็นฮาร์ดดิสก์ความเร็วสูงก็จะอยู่ที่ 8ms สำหรับตัวเลขที่ว่านี้ยิ่งมีค่าน้อย ยิ่งหมายถึงการเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็วขึ้นนั่นเอง
Average Seek Time เป็นเวลาในการเข้าถึงข้อมูลโดยเฉลี่ย ซึ่งจะเป็นตัวเลขที่ระบุมากับ “ฮาร์ดดิสก์ (Hard disk)” ทุกรุ่น แต่ส่วนใหญ่แล้วสำหรับฮาร์ดดิสก์ทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 12-14ms แต่ถ้าเป็นฮาร์ดดิสก์ความเร็วสูงก็จะอยู่ที่ 8ms สำหรับตัวเลขที่ว่านี้ยิ่งมีค่าน้อย ยิ่งหมายถึงการเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็วขึ้นนั่นเอง
มารู้จักเทคโนโลยีไฮบริด (Hybrid)
ฮาร์ดดิสก์แบบนั้นคือเป็นเทคโนโลยีที่นำหน่วยความจำมาเป็นแฟลช มาทำงานร่วมกับฮาร์ดดิสก์โดยลักษณะจะเหมือนการทำงานของแฟลชไดร์ โดยหน่วยความจำที่นำมาใช้นั้นจะช่วยเพิ่มที่จะช่วยโหลดไฟล์ที่ใช้งานบ่อยๆ หรือเก็บมาไว้ใช้ชั่วคราว ก็ช่วยเพิ่มทั้งความปลอดภัยและความรวดเร็วของของมูล
6. เลือกซื้อค่ายไหนดี
ปัจจุบันก็มีหลาบริษัทที่ผลิตตัวฮาร์ดดิสก์ออกมาแข่งขันกัน แต่ในบทความนี้จะขอเสนอสองค่าย ได้แก่ Western Digital (WD) และ Seagate ก็จะมีการแบ่งในลักษณะของสี อาทิ Green, Red, Blue, Black เป็นต้น ส่วนความแตกต่าง แบ่งสเปกอย่างง่าย ๆ ดังนี้Western Digital (WD)
· Blue : ยังคงเป็น HDD ยอดนิยมตลอดกาล มีราคาถูก ใช้ได้ทั้งลง Windows และเก็บข้อมูล
· Green : ปัจจุบันเลิกผลิตแล้ว….
· Black : ใครมีงบสูงก็ตัวนี้เลย ทน เร็ว แรงยิ่งกว่าทุกสี และมีขนาดความจุสูง ๆ ให้เลือกมากกว่า
· Red : เป็น HDD ที่เหมาะกับการเก็บข้อมูลมากที่สุด (NAS) มีความทนทานสูง
· Purple : เป็น HDD ที่เหมาะกับการเก็บไฟล์วิดีโอหรือกล้องวงจรปิด
Seagate
· Firecuda : เป็น HDD hybrid ที่ผสม SSD เข้ามาช่วยให้เลือกความเร็ว เหมาะสำหรับเกมมิ่ง
· Barracuda : รุ่นยอดนิยมจากฝั่ง Seagate เหมาะสำหรับใช้งานทั่วไป
· Ironwolf : ใช้งานสำหรับเก็บข้อมูลหรือ NAS เกรดเดียวกับ WD Red
· Skyhawk : .ใช้สำหรับกล้องวงจรปิด เกรดเดียวกับ WD Purple
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น